กิน ดื่ม นอน ถ่าย เป็นกลไกปกติของชีวิตประจำวันมนุษย์ และเป็นต้นทางสู่ความอ่อนแอ ขี้โรค หรือว่าแข็งแรงสดใสด้วย
ใครอยากมีสุขภาพดีๆ โปรดทำตามเคล็ดลับที่จะขอแนะนำทั้ง 4 ประการดังต่อไปนี้
เคล็ดลับของการกิน
1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากหลาย ไม่ซ้ำซาก
2. กินอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบสดๆ และสะอาด ปราศจากสารปนเปื้อนเป็นสำคัญ
3. อย่ากินอาหารรสจัด ไม่ว่าจะหวานจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด มันจัด หรือเผ็ดจัดก็ตาม ยกเว้นขมจัด เช่น มะระหรือสะเดา
4. เคี้ยวอาหารให้ละเอียด และรับประทานช้าๆ อย่ารีบเร่ง
5. กินอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ ดีที่สุด
6. กินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป และไม่น้อยจนเกินไป
7. กินผักและผลไม้ให้ติดเป็นนิสัย ผลไม้ไม่ควรหวานจัด
เคล็ดลับของการดื่มนม
นม เป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ ประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ คือ แคลเซียม และฟอสฟอรัส จึงช่วยให้กระดูก และฟันแข็งแรง นอกจากนั้น ยังมีโปรตีน น้ำตาลแลคโตส และวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินบี 2 ที่ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต และทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ ทำงานเป็นปกติ นมมีหลายชนิด มีทั้งนมรสจืด และนมปรุงแต่งชนิดต่างๆ ซึ่งให้คุณค่าอาหารใกล้เคียงกัน
หญิง มีครรภ์ ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ควรดื่มนมวันละ 1-2 แก้ว เด็กก่อนวัยเรียน และวัยรุ่น ควรดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ทำให้กระดูกแข็งแรง และชะลอการเสื่อมสลายของกระดูก
สำหรับ ข้อควรระวัง ก็คือ ก่อนซื้อนมทุกครั้ง ควรสังเกต วัน เดือน ปี ที่ข้างกล่องว่า หมดอายุหรือไม่ ควรเลือกเฉพาะนมที่บรรจุในภาชนะที่ผิดสนิท ภาชนะไม่รั่วซึม หรือบวม นมบางชนิด เช่น นมพาสเจอไรส์ หรือโยเกิร์ต ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ ไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส
แคลเซียม ที่มีอยู่ในร่างกาย จะจับกับฟอสฟอรัส อยู่ในรูปเกลือแคลเซียมฟอสเฟต โดยเป็นส่วนประกอบของกระดูก และฟัน ถึงร้อยละ 99 ส่วนอีกร้อยละ 1 อยู่ในเนื้อเยื่อ และในของเหลวของร่างกาย แคลเซียมเป็นสารที่จำเป็น สำหรับทารก และเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ช่วยสร้างเนื้อกระดูกให้มีความหนาแน่นมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ผู้ใหญ่ บางคน ไม่สามารถดื่มนมได้ เนื่องจากดื่มแล้ว เกิดปัญหาท้องเดิน หรือท้องอืด เพราะร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ จึงอาจปรับเปลี่ยน วิธีการดื่ม โดยให้ดื่มนมครั้งละน้อยๆ เช่น ? แก้ว แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น หรือใช้วิธีดื่มนมหลังอาหาร หรือเปลี่ยนเป็นโยเกิร์ต ซึ่งช่วยลดปัญหาท้องเดิน หรือท้องอืดได้
ส่วนนมถั่วเหลือง หรือน้ำเต้าหู้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง ให้โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดื่มได้เป็นประจำเช่นกัน
เคล็ดลับเรื่องการนอนหลับ-พักผ่อน
ร่างกายของคนเราทำงานเป็นเวลานานๆ มีความเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย ร่างกายจำเป็นต้องการพักผ่อน เพื่อการฟื้นฟูร่างกาย จิตใจ และสมอง ให้มีโอกาสในการพักผ่อน หลังการทำงานหนัก การพักผ่อน ทำได้ดังนี้
การพักผ่อน - อาจทำได้หลายอย่าง เช่น การปลูกต้นไม้ ทำการฝีมือ เล่นดนตรี อ่านหนังสือ ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ เป็นต้น
การนอนหลับ - เป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด การนอนหลับอย่างน้อยวันละประมาณ 6-8 ชั่วโมง การนอนหลับเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับทุกคน ทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะเป็นวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต ในอัตราที่รวดเร็ว
การนอนหลับที่ถูกต้อง คือ การนอนหลับสนิท ตื่นขึ้นมาจะสดชื่น สมองแจ่มใส การนอนหลับสนิท 6 ชั่วโมง หรืออย่างมากที่สุด 8 ชั่วโมง ก็ถือว่าเพียงพอ
การปฏิบัติตัวเพื่อการนอนหลับสนิท
1. ก่อนนอนอาบน้ำให้ร่างกายสะอาด แต่งตัวด้วยชุดหลวมสบาย
2. ทำจิตใจให้สงบ คิดเรื่องดีๆ ควรสวดมนต์ ไหว้พระตามศาสนาที่ตนนับถือ
3. นอนในสถานที่อากาศถ่ายเทสะดวก สะอาด และสงบ
4. นอนหลับให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย คืนละประมาณ 6-8 ชั่วโมง
เคล็ดลับเรื่องขับถ่าย-ท้องไม่ผูก
อาการ ท้องผูกเป็นปากประตูร้ายของโรคต่างๆ ตั้งแต่ลำไส้ระคายเคือง ท้องอืดเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว กลิ่นตัวแรง สิวฝ้า ปากเหม็น มะเร็งลำไส้ ฯลฯ
วิธีการป้องกันการเกิดอาการท้องผูกด้วยวิธีธรรมชาติ มีหลายวิธี เช่น
1. กินอาหารที่มีเส้นใยให้มาก คนเราต้องการเส้นใยอาหารวันละ 25 กรัม อาหารที่พึ่งพิงได้มากที่สุดคือ ข้าวกล้อง เพราะข้าวกล้องมีเส้นใยอาหารสูง 1 ทัพพี มี 3.4 กรัม
2. กินผักพื้นบ้าน เช่น มะเขือพวง สะเดา ขนุนอ่อน ใบบัวบก ผักบุ้ง กระถิน ดอกขจร ดอกโสน ผักหวาน ยอดมะยม ผักปลัง ยอดแค ดอกมะรุม ฯลฯ พึงจำไว้ว่า ผักพื้นบ้านมีใยอาหารมากกว่าผักสวนหรือผักจีน (เช่น คะน้า กวางตุ้ง) แถมปลอดสารเคมีมากกว่าด้วย
3. หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีเส้นใย เช่น ช็อกโกแลต เนยแข็ง เนื้อสัตว์ แป้งขัดขาว และลูกกวาด
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การนั่งกินนอนกินทั้งวันจะทำให้ท้องผูก จึงควรออกกำลังกายประมาณ 30 นาที/ครั้ง/วัน เช่น เดิน วิ่ง กายบริหาร ปั่นจักรยาน ฯลฯ เพื่อช่วยให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว คลายท้องผูกได้
นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้เส้นใยอาหารพองตัว และฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลาด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น